วันเสาร์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

คู่มือ การป้องกันการฆ่าตัวตาย

 
กรมสุขภาพจิต
ในความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ก็ย่อมมีช่วงเวลาของความอ่อนแอ อ่อนล้าในชีวิตอยู่บ้าง เพราะไม่มีใครที่อยู่อย่างปราศจากปัญหา ซึ่งในช่วงนี้เอง เป็นช่วงที่คนเราต้องการใครสักคน มาช่วยประคับประคอง และให้กำลังใจเพื่อเอาชนะอุปสรรค และสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างงดงาม
              กำลังใจ คำปลอบใจ คือสายใยต่อชีวิต คนเหล่านี้ต้องการความช่งยเหลือ ต้องการคนเข้าใจ เห็นใจ ให้กำลังใจแก่เขาได้ ความเมตตาของท่าน จะช่วยต่อชีวิตของเขาได้


ปัญหาการฆ่าตาย ผ่อนคลาย และป้องกันได้                     การฆ่าตัวตายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งปรากฎอยู่ในสังคมและชุมชนต่างๆอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้สามารถป้องกันได้ หากว่าประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน ช่วยเหลือ โดยประชาชนมีเจตคติที่ดี มีความเห็นอกเห็นใจ รวมทั้งความรู้ความเข้าใจถึงปัญหาและสาเหตุของการฆ่าตัวตาย วิธีการสังเกตสัญญาณเตือนที่จะนำไปสู่การฆ่าตัวตายเสียแต่เนิ่นๆ และรู้แหล่งหรือบุคคลที่จะให้ความช่วยเหลืออื่นๆ ที่จำเป็น ย่อมจะทำให้ปัญหาการฆ่าตัวตาย และพยายามฆ่าตัวตายของคนในชุมชนต่างๆ ลดลงไปมาก และนำความสงบสุขมาสู่ชุมชนนั้น
คุณรู้ไหมว่าทำไม คนเราถึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย
  • มองไปทางไหนก็เห็นแต่ปัญหา ไม่เห็นทางออก เจอแต่ทางตัน
  • ซึมเศร้า หมดอาลัยตายอยาก หดหู่ ท้อแท้
  • ป่วยเป็นโรคจิต หลงผิดคิดว่ามีคนสั่งให้ไปตาย หรือระแวงว่าจะมีคนมาฆ่า ก็เลยอยากตายไปให้พ้น
  • ติดเหล้า ติดยา ไม่ได้เสพก็ทรมาน พอเสพจนเมาก็ขาดสติ ไม่มีใครอยากเหลียวแล
  • มีความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทางกาย จนไม่สามารถทนได้ จึงฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นทุกข์
       
คนที่ฆ่าตัวตายต้องการสิ่งเหล่านี้
  • ความเข้าใจ
  • เพื่อนที่จริงใจ
  • การระบายความทุกข์
  • ความใส่ใจ
            
ลักษณะบุคคลที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
    หากพบว่าใครมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งในข้อต่อไปนี้ ให้ระวังว่าอาจจะมีความเสียงต่อการฆ่าตัวตาย
   
  1. พูดถึงความตายหรือการฆ่าตัวตาย หรือบ่นว่าอยากตาย ไม่อยากเป็นภาระใคร รู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร
  2. พูดหรือเขียนสั่งเสีย
  3. เคยพยายามฆ่าตัวตาย
  4. นิสัยเปลี่ยนเป็นหงอยเหงา เศร้าซึม แยกตัวเอง หมดอาลัยตายอยาก ร้องไห้บ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ มีความรู้สึกผิด และดูถูกตนเอง
  5. ป่วยเป็นโรคจิต เช่น มีอาการหูแว่วว่ามีคนมาสั่งให้ไปตาย หลงผิดคิดว่าจะมีคนมาฆ่าจึงอยากตายให้พ้นๆ มีความคิดแปลกๆ ว่าถ้าตายแล้วจะช่วยไม่ให้โลกแตก เป็นต้น
  6. ติดสุราหรือยาเสพติด จนเลิกไม่ได้ ครอบครัวและชุมชนไม่ยอมรับ
  7. มีความทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัวร้ายแรง โรคเรื้อรัง และรักษาไม่หาย เช่น โรคเอดส์ มะเร็ง เป็นต้น
  8. มีความพิการจากการสูญเสียอวัยวะสำคัญ จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือเสียความสวยงาม
  9. สูญเสียบุคคลหรือของรักที่มีความสำคัญต่อชีวิต การตายจาก หรือแยกจากในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
  10. ถูกเร่งรัดหนี้สินจนหาทางออกไม่ได้ สินเนื้อประดาตัว หมดทางทำมาหากิน
  11. เกิดการโต้เถียง ทะเลาะวิวาทรุนแรงบ่อยๆ ระหว่างคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูง
                         ถ้ามีลักษณะดังข้อ 1-6 แนะนำหรือชักชวนให้ขอคำปรึกษาที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลชุมชนโดยด่วน เพราะมีความเจ็บป่วยทางจิตใจซึ่งรักษาได้ โรคบางอย่างจำเป็นต้องรักษาด้วยยา
                         ถ้าพบข้อใดข้อหนึ่ง ให้ดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะข้อ 1-6 เพียงข้อใดข้อหนึ่ง รีบให้ความช่วยเหลือโยเร่งด่วน โดยขอให้ดำเนินการช่วยเหลือตามวิธีที่ได้แนะนำไว้ในหน้านี้

เราจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าตัวตายได้อย่างไร
  1. สังเกตว่ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ได้กล่าวมาแล้วทั้ง 11 ข้อ หรือไม่ ถ้ามีให้เฝ้าระวังว่ามีโอกาสกระทำได้จริง ควรเข้าไปพูดคุยซักถามด้วนความเอาใจใส่ พร้อจะช่วยเหลือ
  2. ลองถามไถ่ว่ามีการเตรียมวิธีที่จะทำร้ายตัวเองหรือไม่อย่างไร ถ้าผู้ช่วยเหลืออยู่ในฐานะเพื่อนบ้านหรือมิใช่คนในครอบครัว ให้บอกญาติหรือคนในครอบครัวให้คอยระวังอย่างใกล้ชิด ให้อยู่ในสายตาและให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ ที่เขาเตรียมไว้เพื่อทำร้ายตัวเอง
  3. พูดคุยให้คำปรึกษา ปลอบใจ ให้เขามีสติ ค่อยๆคิดหาทางแก้ไขปัญหา อาจจะแนะนำให้เขาปรึกษาคนที่เขาไว้วางใจ และนับถือ เช่น ญาติ พระ ครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ
  4. กระตุ้นให้ญาติให้กำลังใจ ไม่ตำหนิ หรือลดการทะเลาะเบาะแว้งลง
  5. ติดต่อหาแหล่งช่วยเหลือในพื้นที่ เท่าที่จะทำได้ เช่น แหล่งฝึกอาชีพ แหล่งฟื้นฟูสมรรถภาพ แหล่งช่วยเหลือเรื่องการเงิน เช่น กรมประชาสงเคราะห์ เป็นต้น
  6. กระตุ้นให้คนในชุมชนตระหนักถึงปัญหา และให้ความสนใจดูแล และเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน ไม่ปล่อยปละละเลย
  7. ให้ความรู้เรื่องผลระยะยาวของสุขภาพที่เกิดจากการใช้ยา หรืออุปกรณ์ในการฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ เช่น สมองเสื่อมจากการผูกคอตาย หรือเกิดความพิการทางกายอื่นๆ
เทคนิคการปลอบใจ
เมื่อใครมีแนวโน้มที่จะคิดทำร้ายตนเอง ควรพูดปลอบใจ และให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เป็นมิตร ดังนี้
   
  • พูดให้ความหวัง ตัวอย่างเช่น " ทำใจดีๆไว้ พรุ่งนี้อาจะดีขึ้นก็ได้ เพราะไม่มีอะไรที่คงที่ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ความทุกข์ก็เหมือนกัน มันจะหมดไปสักวัน และพ้นผ่านไปเองในที่สุด "
  • ยังมีหนทางแก้ไขปัญหาได้ ตัวอย่างเช่น " ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข บางปัญหาต้องใช้เวลา เราลองมาช่วยกันคิดหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหากันดีกว่า "
  • ให้ความมั่นใจว่า ยังมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ ตัวอย่างเช่น " ลองปรึกษาหารือกับเพื่อน (หรือญาติพี่น้อง สามี หรือภรรยา ลูกที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว) ดู " แต่ถ้าไม่มีใครจริงๆ ยังมีหน่วยงานอีกหลายแห่งที่ยังคอยให้ความช่วยเหลืออยู่
  • พูดให้ห่วงคนข้างหลัง ตัวอย่างเช่น " ถ้าขาดคุณเสียคน ลูกๆจะทำอย่างไร " หรือ "ถ้าขาดคุณแล้ว พ่อแม่จะอยู่อย่างไร ใครจะช่วยดูแลท่าน ท่านแก่มากแล้ว "
  • พูดให้เห็นข้อดีของการมีชีวิต ตัวอย่างเช่น " คุณยังมีอะไรดีๆอยู่อีกมาก เช่น มีลุก มีสามี หรือภรรยาที่ดี ที่คอยหว่งใยให้กำลังใจ " หรือ " คุณยังมีงานทำมีทรัพย์สินเงินทอง " หรือ " การมีชีวิตอยู่ยังได้ทำบุญ ทำประโยชน์ให้ครอบครัวให้สังคมได้ "
  • ในกรณีที่เวลาผ่านไประบะหนึ่ง ผู้คิดทำร้ายตนเอง สามารถมีสติรับฟังเหตุผลได้ ให้พูดถึงบาปบุญคุณโทษ ตัวอย่างเช่น " คิดทำร้ายตัวเองไม่ดีหรอกบาปกรรมเปล่าๆ กว่าจะเกิดมาเป็นคนนั้นแสนยาก "

อย่าพูดซ้ำเติมคนคิดฆ่าตัวตาย
เพราะจะกายเป็นการผลักดันให้ลงมือทำซ้ำอีก
การปลอบใจและให้กำลังใจที่ดีที่สุด
คือการรับฟังอย่างเข้าใจ และใส่ใจความรู้สึกของผู้ประสบปัญหา
และเห็นอกเห็นใจด้วยความจริงใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น